วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562

อยากเก็บเห็ดระโงก แบบไม่ต้องแย่งใคร ให้ปลูกต้น ‘ยางนา’



ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านหลายท่านออกเก็บเห็ดกันตามวิถีชีวิต หลังช่วงที่มีฝนตกหลงมาก็จะมีเห็ดที่เกิดจากธรรมชาติ ผุดโผล่ขึ้นให้เราได้เก็บ เช่น เห็ดโคน เห็ดระโงก ซึ่งเห็ดเหล่านี้จะเกิดในป่า และผู้คนก็จะเข้าไปหา บอกเลยว่าแย่งกันเลยทีเดียวกับช่วงเวลานี้
และล่าสุดได้มีการเผยแพร่ภาพของเห็ดระโงกที่เกิดเยอะมากดอกเหลืองสวยเต็มพื้นดิน แต่เห็ดนี้เกิดจากการปลูกเอง ปลูกด้วยการนำต้นยางนามาปลูก และนำเห็ดดอกบานๆหรือเห็ดที่แก่ที่ยังไม่ล้างนำมาขยำในน้ำแล้วนำมาราดใต้ต้นยางนา เป็นประจำ ก็จะได้เห็ดสวยๆแบบนี้
เยอะมาก
เก็บสบายๆไม่ต้องกลัวใครแย่ง
เป็นวงเลยทีเดียว
ดอกสวยงามมาก
แบบนี้ก็ไม่ต้องไปกับในป่าไกลและไม่ต้องแย่งกับใครแล้วสิค่ะ อิอิ ลองนำไปทำดูนะคะใครที่ต้นยางนาอยู่ลองนำวิธีนี้ไปทำ แล้วจะได้เห็นอร่อยๆไว้ทานเอง
ขอขอบคุณที่มาจาก: เห็ดป่า สร้างอาชีพและบูรณาการความรู้

พลิกชีวิต จบ ป.4 “เร่หาบไอติมขาย” ปากกัดตีนถีบ สู่เจ้าของแบรนด์กาแฟพันล้าน


เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่สร้างแรงบรรดาลใจให้กับคนหลายๆ คน ใน“สปป.ลาว” นอกจากจะดังเรื่อง “เบียร์ลาว” แล้ว ยังมี “ดาว คอฟฟี่” เป็นแบรนด์ประจำชาติ ที่สร้างชื่อเสียงระบือโลก ชนิดที่ว่าใครไปเยือนลาวก็ต้องหอบหิ้วกาแฟดาวติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

เบื้องหลังความสำเร็จของ “ดาว คอฟฟี่” เกิดจากการปลุกปั้นของ “เหลื้อง ลิดดัง” เจ้ดาวเหลื้องสร้างตำนานลือลั่นไปทั่ว สปป.ลาว จากเด็กยากจนเรียนจบ ป.4 ต้องเร่ขายของตามโรงเรียนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบ กระทั่งวันหนึ่งสร้างเนื้อสร้างตัวได้ กลายเป็นผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุด
ปีนี้ “เจ้ดาวเหลื้อง” อายุ 70 แล้ว แต่ยังขยันลุยไม่เลิก โดยมีลูกสาวคนโต “บุญเฮือง แครอล ลิดดัง” ช่วยแบ่งเบาภาระ ตามประสานักธุรกิจโลโปรไฟล์ ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าแม่จำปาสักยอมเปิดคฤหาสน์หลังใหญ่ ให้สื่อไทยได้สัมภาษณ์แบบเจาะลึก เจ้ยืนยันกับทีมข่าวหน้าสตรีไทยรัฐว่า แม้วันนี้จะรวยเป็นร้อยเป็นพันล้าน แต่บอกตรงๆว่ายังไม่เคยชินกับความรวยสักเท่าไหร่
“วันนี้ฉันก็ยังเป็นเหมือนเดิม ถือว่าธรรมดานะ แค่คิดว่าเรามีมากก็ช่วยเหลือเพื่อนฝูงได้มาก ใครลำบากมาฉันช่วยหมด พ่อฉันสอนว่า ถ้ามีกินแล้วเก็บไว้กินเองเดี๋ยวก็หมด แต่ถ้ารู้จักแบ่งให้คนอื่นกินยังไง ก็ไม่มีวันหมด เพราะวันหนึ่งคนที่เคยช่วยไว้จะกลับมาช่วยเรา
วันไหนเหนื่อยวันไหนเจออุปสรรค ฉันก็ไม่ถอยนะ มีอาจารย์คนแก่ๆเคยดูดวงให้ ฉันถามว่าเมื่อไหร่จะสบาย เขาบอกไม่ต้องพูดคำว่าสบาย ก่อนจะเอาฝาโลงมาปิด เจ้ยังเปิดฝาโลงออกบอกอย่าเพิ่งปิด เพราะยังสั่งเสียไม่เสร็จ คือชีวิตนี้ไม่ต้องคิดหรอกว่าจะสบาย”
เคยเสียใจน้อยใจไหมที่เกิดมาจน และต้องใช้ชีวิตลำเค็ญ
พ่อแม่ฉันยากจน พ่อเป็นคนงานก่อสร้าง และเหยียบสามล้อ ฉันเป็นพี่คนโต มีน้อง 8 คน เรียนจบแค่ ป.4 ต้องมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว แต่ฉันไม่เคยเสียใจที่ไม่ได้เรียนหนังสือ อยากหาสตางค์ ใครจ้างอะไรทำหมด เคยรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า หาบไอติมขาย หาบกล้วยปิ้งข้าวโพดปิ้งขาย
เริ่มลืมตาอ้าปากได้ตอนไหน
ตอนไปค้าขายที่เวียงจันทน์ เป็นแม่ค้าขายกับข้าวในตลาด ฉันคิดตลอดว่าพวกเราจนเกินไป ทำไมไม่มีสตางค์ พอมีเพื่อนชวนให้ส่งของใช้ของจำเป็นจากเวียงจันทน์ไปขายที่จำปาสักจึงลองทำดู สมัยนั้นเพิ่งเปิดประเทศใหม่ๆแขวงจำปาสักยังขาดแคลนทุกอย่าง หลังแต่งงานกับหมอผ่าตัด “ดร.ฮ่าว ลิดดัง” ตอนอายุ 32 ปี จึงมีโอกาสเรียนทำเบเกอรีที่กรุงเทพฯ และกลับมาอบขนมขายที่บ้านในจำปาสัก ทำอะไรก็ขายได้หมด
จากแม่ค้าธรรมดาๆ ประตูโอกาสเปิดกว้างให้ “เจ้ดาวเหลื้อง” ตอนไหน
ชีวิตหลังแต่งงานสุขสบายขึ้น แต่ด้วยความที่ฉันมีเพื่อนเยอะ จึงมีคนชวนให้เป็นยี่ปั๊วเปิดบริษัทนำเข้าของกินของใช้จากไทยมาขายที่จำปาสัก แรกๆไม่กล้าทำหรอก เพราะไม่มีความรู้ แต่เพื่อนข้าราชการช่วยเรื่องเอกสารทุกอย่าง และยืนยันว่าเธอเป็นคนเก่งคนสู้ชีวิตต้องทำได้ ตอนเปิดบริษัท “ดาวเฮือง อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต” เมื่อปี 1991 มีแค่ห้องแถวเดียวกับเงินทุนหลักแสน ฉันขายทุกอย่าง ตั้งแต่น้ำปลา, ผงชูรส, น้ำตาล, รองเท้าผ้าใบตราม้าดาว, น้ำอัดลม และเบียร์ สมัยนั้นสั่งของทีหนึ่ง 20-30 คันรถสิบล้อ ถือเป็นยี่ปั๊วรายใหญ่สุดของจำปาสักและลาวใต้ โอกาสมาถึงอีกครั้งตอนมีเพื่อนชวนเปิดดิวตี้ฟรี
กว่าจะได้เป็นเจ้าแม่ดิวตี้ฟรีเจออุปสรรคเยอะไหม
เปิดดิวตี้ฟรีแรกสำเร็จตอนปี 1996 เปิดใหม่ๆเจออุปสรรคเยอะ เพราะมีเจ้าใหญ่ทำอยู่แล้ว เราต้องเลี่ยงไปทำเทรดผ่านแดนแทน โดยนำเข้าสินค้าจากไทยผ่านลาวส่งออกไปขายประเทศที่สาม คือเวียดนาม จุดแรกทำด่านผ่านแดนที่ลาวกับเวียดนาม ใครสั่งอะไรมาเราก็ส่งไปขายหมด ตอนนี้เองมีโอกาสได้จับเงินล้าน
แล้วผันตัวมาเป็นผู้ผลิตผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ของประเทศได้อย่างไร
ฉันนำเข้าสินค้าจากเมืองไทยมาขายในลาวเยอะ รัฐบาลลาวเลยขอให้หาสินค้าลาวส่งออกไปขายนอกประเทศเพื่อสร้างสมดุลการค้า ตอนนั้นฉันนึกถึงกาแฟ เพราะจำปาสักเป็นแหล่งปลูกกาแฟใหญ่ ตอนแรกๆไม่ได้คิดทำจริงจัง แค่ซื้อเมล็ดกาแฟจากชาวบ้านไปส่งออก ต่อมารัฐบาลขอให้ลงทุนปลูกกาแฟเองด้วย ฉันต้องกัดฟันทำ เริ่มจากจ้างชาวไร่ปลูกกาแฟปลูกไปได้เดือนสองเดือน เห็นต้นกาแฟแตกใบอ่อนๆก็รู้สึกรักต้นกาแฟแล้ว จึงตัดสินใจปลูกกาแฟ
จริงๆ ทำไปได้ 6-7 เดือน ลูกเห็บลงต้นกาแฟตายหมด ขาดทุนไปหลายแสนเหรียญยูเอส ฉันก็สู้ต่อเพราะรักต้นกาแฟไปแล้ว ปลูกไป 4-5 ปี ถึงจะได้เมล็ดกาแฟพร้อมส่งออก 100 กว่าตัน แต่ขายได้ราคากิโลละเหรียญ สงสารชาวบ้านมากปลูกแทบตายขายไม่ได้ราคา จึงคิดว่าต้องทำโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูป แต่กว่าจะสร้างโรงงานสำเร็จต้องใช้เวลา 10 ปี ระหว่างนั้นฉันยังช่วยชาวบ้าน เอาต้นกล้ากาแฟอาราบิกาไปแจกให้ปลูกฟรีๆปีละล้านต้น แจกมาต่อเนื่องเป็น 10 ปี ฉันไม่เคยผูกขาด จะบอกตลอดว่าที่ไหนขายได้ราคาดีกว่าก็ไปขายเลย แต่ชาวบ้านก็ยังรักเรา เพราะเราให้ราคาดี และไม่เคยบีบบังคับ
ปัจจุบันอาณาจักร “ดาว คอฟฟี่” กว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน
ไร่กาแฟของเรามีพื้นที่ 1,500 ไร่ ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโบลาเวน แขวงจำปาสัก ซึ่งเป็นดินภูเขาไฟ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร เรายังรับซื้อผลผลิตจากชาวไร่ละแวกนั้นอีก 2,000 กว่าครัวเรือน ฉันไม่ได้คิดเรื่องรวยหรอก อยากเห็นเมล็ดกาแฟดีกินอร่อย กำไรหรือขาดทุนไม่สน
ความรู้น้อยเงินทุนก็น้อย ทำยังไงถึงประสบความสำเร็จไม่โดนโกง
ฉันรู้จักคนเยอะ ไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก เวลาค้าขาย ฉันถือความซื่อสัตย์สำคัญที่สุด สมัยแรกๆฉันสั่งซื้อของจากยี่ปั๋วที่อุบลราชธานีต้องใช้เงินสดเท่านั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งยี่ปั๊วทอนเงินเกินมาหมื่นบาท ฉันรีบเอาเงินไปคืนทันที ทำให้ยี่ปั๊วไว้ใจและตั้งแต่วันนั้นยอมปล่อยเครดิตให้ยาว
ถาม “แครอล” บ้างนะคะ ต้องสานต่อความฝันของคุณแม่ เป็นภาระที่หนักอึ้งเลยไหม
แครอลเข้ามาช่วยธุรกิจที่บ้านได้ 12 ปีแล้ว แม่ตั้งความหวังไว้เยอะ เราก็พยายามทำทุกอย่างจนเป็นภาพเดียวกับแม่ แต่ยอมรับว่าต้องใช้เวลากว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ แม่สร้างอะไรไว้เยอะมาก ทุกวันนี้เรามีดิวตี้ฟรีในด่านสากลที่เชื่อมกับลาวทั้ง 6 ด่าน เราเป็นที่หนึ่งในธุรกิจทุกด้านที่ทำ และจนถึงขณะนี้กาแฟดาวสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศปีละ 100 กว่าล้านเหรียญยูเอส
เรามีส่วนมากพอสมควรที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนลาวใต้ดีขึ้นทุกปี ช่วยแก้ปัญหาความยากจนของคนจำปาสัก แม่ใช้ภูมิปัญญาของชาวไร่ดาวสร้างระบบนิเวศขึ้นมา ทำให้ไร่กาแฟดาวเป็นออร์แกนิกโดยสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน ก็ควบคุมคุณภาพการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเครื่องจักรทันสมัยที่สุด เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟระดับพรีเมียม แครอลมั่นใจว่าเมล็ดกาแฟจากที่ราบสูงโบลาเวน มีรสชาติอร่อยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
สำหรับ “แครอล” แม่เป็นแบบอย่างด้านไหน
แครอลตามแม่ไปทำงานตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ได้ซึมซับอะไรหลายอย่าง แม่เป็นคนสู้ชีวิตมาก เคยล้มหลายครั้ง แต่แม่ก็ไปต่อได้ เคยโดนติดหนี้ไม่มีเงินทุนซื้อของไปขาย แม่ก็ไม่ท้อหาอย่างอื่นทำไปก่อน แม่บอกตลอดว่าแม่เกิดมาไม่มีอะไรอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียแค่เริ่มใหม่ เวลาคิดอะไรไม่ตก แม่ให้คำตอบได้หมด
ในฐานะผู้บริหารยุคใหม่ อยากปลุกปั้น “ดาว คอฟฟี่” ให้เติบโตไปทิศทางไหน
แครอลภูมิใจมากนะ ทุกวันนี้ถ้าพูดถึงลาว คนจะนึกถึงกาแฟดาว ไม่เคยคิดว่าจะบูมขนาดนี้ เราแค่ทำหน้าที่ของเราเต็มที่ กาแฟดาวเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไปแล้ว ในฐานะผู้ผลิตและผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดของลาว แครอลภูมิใจมากที่กาแฟดาวติดท็อปเทนของกาแฟโลก ในสายพันธุ์อาราบิกา และ สปป.ลาว จะเข้าเป็นสมาชิกองค์กรกาแฟระหว่างประเทศในเดือน

ปัจจุบันดาวคอฟฟี่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จนได้รับรางวัลรับรองคุณภาพสินค้า GI จากรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อการันตีคุณภาพของผลิตภัณฑ์ดาวคอฟฟี่ แครอลฝันว่าใน 5-10 ปีข้างหน้า นอกจากจีน, ไทย, เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งเป็นตลาดหลักของเราแล้ว ก็อยากให้คนทั่วโลกจดจำว่าประเทศลาวมีกาแฟคุณภาพ ซึ่งกาแฟคุณภาพของลาวก็ต้องดาวคอฟฟี่เท่านั้น.

วิธีปลูกพืชกลับหัว

วิธีปลูกพืชแบบกลับหัวเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเพาะปลูก เพราะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ไร้ซึ่งปัญหาเรื่องวัชพืช ว่าแต่การปลูกพืชแบบกลับหัวนั้นต้องเตรียมและทำอะไรอย่างไรบ้าง มาดูกัน
วัสดุอุปกรณ์
-ขุยมะพร้าวหรือดินที่เตรียมไว้
-กระถาง
-แผ่นกระเบื้องสี่เหลี่ยม
ขั้นตอนการปลูก
1.นำขุยมะพร้าวหรือดินที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในกระถางจนเต็ม
2.นำแผ่นกระเบื้องสี่เหลี่ยมปิดด้านบนของกระถางโดยใช้นิ้วหนีบกระเบื้องไว้กับกระถางเพื่อป้องกันวัสดุปลูกร่วงหล่น
3.จากนั้นคว่ำกระถางในลักษณะก้นกระถางหันขึ้นด้านบน
4.นำต้นกล้าที่เราปลูกหยอดลงไปในรูก้นกระถางแล้วร้อยลวด 3 สายสำหรับใช้แขวน
5.รดน้ำให้ปุ๋ยได้ตามปกติอย่างสม่ำเสมอ
6.รอจนต้นโตสูงอย่างน้อยต้อง 30 เซนติเมตรขึ้นไป ในช่วงเวลานี้ต้นกล้าจะกลายเป็นผักที่เราต้องการและรากจะยึดเกาะดินเอาไว้แน่นแล้วจึงพลิกกระถางเพื่อให้ต้นพืชกลับหัว
7.เจาะรูที่ขอบกระถางเพื่อไว้สำหรับร้อยลวดแล้วนำไปแขวนด้านบนของกระถางเราสามารถปลูกผักอีกหนึ่งชนิดได้อย่างสบาย
เพียงเท่านี้เราก็สามารถปลูกพืชกลับหัวได้แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก เกษตร นานา

ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง ศาสตร์พระราชา ความสุขอย่างยั่งยืน ลองปรับใช้ไม่จนแน่นอน



ทฤษฏีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง เป็นแนวทางที่ใช้ลำดับขั้นเพื่อเดินตามไปทีละขั้น ค่อยๆ ก้าวไปแบบยั้งยืนและมั่นคง ซึ่งหากใครทำตามได้ รับรองว่าไม่มีจนแน่นอน โดยแต่ละขั้นจะมีดังนี้
บันไดขั้นที่ 1-4 คือ เศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน
ขั้นที่ 1 พอกิน
พื้นฐานที่สุดของมนุษย์ คือ ความต้องการปัจจัย 4 และประการสำคัญที่สุดของปัจจัย 4 คือ อาหาร ขั้นที่ 1 ของแนวทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนคือ ตอบคำถามให้ได้ว่า ทำอย่างไรจึงจะพอกินโดยให้ความสำคัญกับ ข้าวปลาอาหาร ไม่ให้ความสำคัญกับเงิน ซึ่งเป็นเพียงแค่ ตัวกลาง ในการแลกเปลี่ยนตามมาตรฐานสากล โดยยึดหลักว่า เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาสิของจริง
เกษตรกรต้องเริ่มจากการอยู่ให้ได้โดยไม่ใช้เงิน มีอาหารพอมี พอกิน ด้วยการปลูกพืช ผัก ผลไม้ ให้พอกิน ชาวนาต้องเก็บข้าวไว้ให้เพียงพอ สำหรับการมีกินทั้งปี ไม่ขายข้าวเปลือกเพื่อนำเงินไปซื้อข้าวสาร
นอกจากนั้น หัวใจสำคัญของพอกิน ยังมีความหมายรวมไปถึงความปลอดภัยในอาหาร กินอย่างไรให้มีสุขภาพดี ไม่สะสมเอาความเจ็บไข้ได้ป่วยไว้ในร่างกาย นี่คือความหมายของบันไดขั้นที่ ๑ ที่เกษตรกรต้องก้าวข้ามให้ได้
ขั้นที่ 2-4 พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น
เกิดขึ้นได้พร้อมกัน ด้วยคำตอบเดียวคือ ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งป่า 3 อย่างจะให้ทั้ง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม สมุนไพร ให้ไม้สำหรับทำบ้านพักที่อยู่อาศัย และให้ความร่มเย็นกับบ้าน กับชุมชน กับโลกใบนี้ ซึ่งเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา ความยาก จน ของเกษตรกรไทย
ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถแก้ปัญหาได้จริง และยังสามารถย้อนกลับไปแก้ไขปัญหาหนี้สิน ซึ่งสะสมพอกพูนจากการทำ เกษตรเชิงเดี่ยว ปัญหาความขาดแคลนนำ ภัยแล้ง ทั้งหมดล้วนแก้ไขได้จากแนวคิดป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
บันไดขั้นที่ 5-9 คือ เศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้า
ขั้นที่ 5-6 บุญและทาน
เครือข่ายเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมั่นว่าสังคมไทยเป็นสังคมบุญ สังคมทาน ไม่เน้นการแลกเปลี่ยนทางการค้า แต่เน้นการทำบุญ ไม่เน้นการสะสมเป็นของส่วนตัว แต่เน้นการให้ทานและสะสมโดยมอบให้ เป็นทรัพย์สินส่วนรวมโดยวัด หรือศาสนสถานตามแต่ละศาสนาเป็นศูนย์กลาง
ตามความหมายอันลึกซึ้งของคำ ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งมี การให้ไปคือได้มา และเชื่อมั่นในฤทธิ์ของทาน ว่าทานมีฤทธิ์จริง และจะส่งผลกลับมาเป็นเพื่อน เป็นกัลยาณมิตร เป็นเครือข่ายที่ช่วยเหลือกันในทุกสถานการณ์ แม้ในวันที่โลกนี้ประสบกับวิกฤตการณ์
ขั้นที่ 7 เก็บรักษา
ขั้นต่อไปหลังจากสามารถพึ่งตนเองได้ พอมี พอเหลือทำบุญ ทำทานแล้ว คือการรู้จักเก็บรักษา ซึ่งเป็นการตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และการรู้จักเก็บรักษา ยังเป็นการสร้างรากฐานของการเอาตัวรอด โดยยึดแนวทางตามวิถีชีวิตชาวนาสมัยก่อนซึ่งเก็บรักษาข้าวไว้ในยุ้งฉางเพื่อ ให้พอมีกินข้ามปี
ซึ่งผิดกับวิถีชาวนาในปัจจุบันที่ใช้วิธีการขายข้าวทั้งหมด แล้วนำเเงินที่ขายได้ไปซื้อข้าวเพื่อปลูกในปีต่อไป ส่งผลให้เกิดการขาดความมั่นคงและเปรียบเสมือนการใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางสาย ความประมาท เพราะหากเกิดภัยแล้ง น้ำท่วม ผลผลิตไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ ย่อมหมายถึงปัญหาหนี้สิน และการขาดแคลนข้าวสำหรับปลูกในปีต่อไป
ขั้นที่ 8 ขาย
เนื่องจากเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่เศรษฐกิจการค้า แต่ก็ไม่ใช่เศรษฐกิจหลังเขา การค้าขายสามารถทำได้ แต่ทำภายใต้การรู้จักตนเอง รู้จักพอประมาณ และทำไปตามลำดับ โดยของที่ขาย คือ ของที่เหลือจากทุกขั้นแล้วจึงนำมาขาย เช่น ทำนาอินทรีย์ ไม่ทำลายธรรมชาติ ได้ผลผลิตเก็บไว้พอกิน

ขอบคุณแหล่งที่มา :www.tradekan.com

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2562

วิธีเพาะเห็ดโคนใหญ่ เพาะกินก็ง่าย ทำขายก็ดี


วิธีเพาะเห็ดโคนใหญ่ เพาะกินก็ง่าย ทำขายก็ดี
เห็ดโคนใหญ่ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ( เ ห็ ด ป ล ว ก ) นั้น เป็นเห็ดที่เจริญเติบโตขึ้นตามธรรมชาติ จึงทำให้เห็นโคนใหญ่นั้นหาได้ยาก เพราะ ไม่สามารถปลูกเองได้ จึงมีราคาสูง โดยปกติแล้วเห็ดโคนใหญ่จะเกิดจากการทิ้งรังของ ป ล ว ก และ เมื่อพื้นที่นั้นๆ มีความชื้น และ อุณหภูมิที่เหมาะสม จะเกิดเป็นดอกเห็ดชนิดนี้ขึ้น

แต่ก็มีชาวบ้านได้คิดค้นวิธีการปลูกเห็ดโคนใหญ่ขึ้น โดยสามารถทำเองได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้


เริ่มด้วยการหา รั ง ป ล ว ก ให้ได้ และ นำเอาจาว ( ด้านในของรัง ) เพียงเล็กน้อยมาผสมกับ ข้าวสวย 1 กิโลกรัม คนให้เข้ากัน แล้วให้เติมน้ำเปล่าลงไป 20 ลิตร หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 7 วัน


จนสังเกตุเห็นน้ำที่หมักไว้เริ่มเปลี่ยนไป ขุ่นขึ้น และ เกิดเป็นฝ้าสีขาวๆ แสดงว่า จุ ลิ น ท รี ย์ เริ่มขยายตัวแล้ว จากนั้นให้นำน้ำที่หมักไว้นี้ไปรดลงบนโคนต้นไม้ที่มีความชื้นที่เหมาะสม จะช่วยกระตุ้นให้เกิดเห็นโคนใหญ่ขึ้น


หรือจะให้เกิดเห็ดดี และ เห็นผลไวกว่า ให้นำฟางข้าวมาสุมไว้ แล้วรดน้ำหมักที่ทำไว้ลงไป นำเศษใบไม้มาคลุมให้ทั่วอีกที รดน้ำเพียงแค่ให้พอเปียกชุ่มประจำอย่างน้อย 10 วัน จะสังเกตุว่ามีเห็ดโคนใหญ่งอกขึ้นมาอย่างแน่นอน


นอกจากนั้นคุณยังสามารถใช้สำหรับรดน้ำบนสวนผักผลไม้ต่างๆ ผสมน้ำเพื่อให้สัตว์ในฟาร์มได้กิน ก็หรือนำน้ำหมักจุลินทรีย์ จำนวน 1 ลิตร ผสมเข้ากับน้ำ 10 ลิตร เพื่อใช้ฉีดพ่นตามสวนหรือแปลงผักต่างๆ จะช่วยเร่งการย่อยสลายตัวของเศษวัชพืช และ เป็นส่วนผสมของปุ๋ยหมักได้เป็นอย่างดี


เห็ดโคนใหญ่ที่ได้จาก น้ำ ห มั ก จุ ลิ น ท รี ย์ ใ น รั ง ป ล ว ก นั้นจะมีรสชาติ หวาน กรอบ อร่อยกว่าเห็ดโคนชนิดอื่นๆ สามารถนำไปจำหน่ายหรือประกอบอาหารได้ตามต้องการ

ข้อมูลจาก : postnoname

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

รีวิว สร้างบ้านแบบงบน้อย แค่ 2 แสน ก็มีบ้านสวยน่าอยู่ได้

ความฝันของใครหลายๆคน ก็คงไม่พ้นการมีบ้าน สร้างบ้านสวยๆเป็นของตนเองสักหลังหนึ่ง ยิ่งในปัจจุบัน แบบบ้านสวยๆมีมากขึ้น บ้านสวยๆก็ผุดขึ้นตามๆกัน แต่ในการสร้างบ้านต้องใช้งบประมาณสูง บางคนจึงต้องจำกัดงบตามกำลังทรัพย์
วันนี้เราก็มีรีวิวดีๆ จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Praew Sirima ได้รีวิวการสร้างบ้านแบบประหยัดงบ ใช้งบแค่ 220,000 บาท ก็ได้บ้านสวยงามน่าอยู่ โดยเจ้าของภาพได้ระบุว่า

“ขออนุญาตค่ะ บ้านงบน้อย 220,000.- 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ โถงน้อยๆ 1 พอเพียงทำความสะอาดง่ายดีค่ะ กำลังจะต่อครัวเพิ่ม”

บ้านสวย

ขนาดกำลังดี

งบสองแสน


น่าอยู่มาก

ใครจะคิดว่างบแค่สองแสนบาท จะได้บ้านสวยหรูสไตล์คลาสสิค ที่ดูทันสมัยแถมยังไม่เล็กเกินไปอีกด้วย คงเป็นรีวิวให้สำหรับคนที่ต้องการสร้างบ้านแบบประหยัดงบได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.in.th, ขอขอบคุณที่มาจาก : Praew Sirima